SERIOUSLY! It was too real
- artitaya.brees
- Nov 21, 2015
- 1 min read
Updated: May 26, 2018

วันนี้เราตื่นมาแล้วรู้สึกแย่มาก เป็นเพราะฝันนั้นแหละ ฝันกำลังดีๆ อยู่เลย จู่ๆ ก็กลายเป็นฝันร้ายไปซะอย่างงั้นแล้วดันสมจริงเหมือนชมภาพยนตร์อีก และแน่นอนเรื่องอารมณ์ความรู้สึกตอนฝัน พอตื่นมาก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ เป็นอะไรที่หดหู่มากเลย จริงๆ เรื่องมันก็มีอยู่ว่าเราอ่านหนังสือเรื่อง อยู่ด้วยกันตลอดไปได้ไหมเนี่ย เขียนโดยวานวาน เล่มนี้เกี่ยวกับน้องหมาและน้องแมว ผองเพื่อนสี่ขา ตอนอ่านก็ขำก๊ากอยู่หรอกดูเหมือนไม่มีอะไร จะมีอยู่ช่วงนึงที่เราเปิดไปดูด้านหลังแล้ววานวานเขียนถึงไกไก น้องหมาที่ตายจากเธอไป หน้ากระดาษถูกเปลี่ยนเป็นสีเทาเพื่อไว้อาลัย เราคิดงั้นนะ เราอ่านผ่านๆ เพราะมันอยู่ท้ายบทซึ่งเรายังอ่านไม่ถึงก็เลยแค่อ่านผ่านๆ ไปก่อน จากนั้นไม่นานเราก็นอนหลับ ไอตอนที่หลับก็ฝันว่าได้หมามาเลี้ยงเป็นลูกหมาตัวเล็กๆ น่ารักมากเลย มันเดินเข้ามาหาเราและก็มองหน้าเราด้วยนะในฝันน่ะ เราดีใจมากเลยที่น้องหมาเลือกที่จะให้เราเลี้ยงดูเขา เพราะหมาของเราตายไปแล้วเมื่อปีก่อน เราเลยดีใจมาก หลังจากนั้นสักพักเราต้องออกไปทำธุระที่ไหนสักแห่งเลยฝากน้องหมาไว้กับเพื่อนที่อยู่บ้านเดียวกัน ที่บ้านหลังนั้นอยู่กันประมาณ 5-6 คนเห็นจะได้ ระหว่างนั้นเราก็ออกไปทำธุระข้างนอก สถานที่ที่เราไปนั้นสวยมาก ดูคล้ายๆ ห้างสรรพสินค้าทั้งใหญ่โตและหรูหรา แต่ละโซนถูกจัดแบบคลาสสิก ดูสะอาดตาและเป็นระเบียบเรียบร้อยมากเลยละค่ะ พอเราเดินมาถึงสถานที่ที่เราต้องไปทำธุระเราก็เจอเพื่อนเก่าสมัยเด็กนั่งอยู่บนโซฟาสีแดงที่มีพรมปูไว้อย่างดี พวกเขาหันมาทักทายเราด้วยละ เราก็ตอบกลับไปปกติแบบดีใจด้วยซ้ำ เพราะไม่คิดว่าจะได้มาเจอกันอีกในที่แบบนี้ จากนั้นไม่นานก็มีคนเดินมาทางเรา ดูเหมือนจะเป็นคนที่เราต้องคุยด้วยเรื่องงานอะไรสักอย่าง ไม่รู้ว่าสำคัญไหมและก็จำไม่ได้ด้วยว่าคุยกันเรื่องอะไร แต่ดูเหมือนจะเป็นงานนะ พวกเราก็ยื่นคุยอยู่ที่เดิมนั้นแหละไม่ได้ขยับไปไหน สักพักใหญ่ๆ เพื่อนๆ ที่บ้านก็เดินตรงเข้ามาหา คนแรกหน้าตาเหมือนเพื่อนสนิทเราเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือค่อยเดินมาพร้อมน้องหมา แต่พอเรามองไปแล้วกับไม่เห็นน้องหมาของเรา ตอนนั้นมันเป็นแค่ฝันเองน่ะแต่เรารู้สึกใจจะขาดเลยล่ะ ในฝันเราหันไปถามเพื่อนคนที่หน้าตาเหมือนเพื่อนสนิทเราว่าน้องหมาของเราหายไปไหนด้วยน้ำเสียงแตกตื่น แล้วก็อ่ำอึงอยู่นั้นแหละจนเราต้องถามซ้ำ คราวนี้ขึ้นเสียงด้วย เพราะเรากังวลมาก แล้วเธอก็ตอบกลับมาประมาณว่าหาไม่เจอหรือหายไปแล้วหรือตายหรือใครจับไป เราจำไม่ได้แต่รู้แค่ว่าคำตอบที่ได้มันแย่มากสำหรับเรา ใจแถบขาดพอได้ยินคำตอบ เท่านั้นแหละเราก็เอาสเก็ตบอร์ดออกมา สเก็ตบอร์ดที่เราถือเป็นสเก็ตบอร์ดสีเหลือง รูปทรงแปลกๆ ข้างหน้าก็ปกติดีอยู่หรอกนะ แต่ด้านหลังมันมันเป็นโค้งๆ ขึ้นมา แต่ก็วางเท้าได้ ไม่ตก เราเองก็ไม่รู้ว่ามันมาได้อย่างไร รู้แค่ว่าเราถือมันไว้พร้อมกับเอกสาร ซึ่งไอตอนที่มาไม่ได้ถืออะไรเลยแต่กลับมีของให้ถือตอนที่ต้องการซะอย่างงั้น เหมือนเราจะงงอยู่ว่าจะทำยังไงกับสเก็ตบอร์ดไม่สมประกอบอันนี้ดี เพื่อสมัยเด็กอีกคนที่นั่งอยู่ก็บอกให้ขึ้นเยียบแล้วไหลไปข้างหน้าได้เลย ไม่เป็นไร แต่ยิ่งที่ฮาที่สุดคือ เราบอกเพื่อนกลับไปว่าเราได้สเก็ตบอร์ดอันนี้มาจากแมคโดนัลน่ะ ในใจแอบคิดถ้ามันพังขึ้นมาจะไปซื้ออันใหม่ที่แมคโดนัลแล้วกัน ก็แมคโดนัลมันมีอยู่เกือยทุกที่นี่น่า เราก็เล่นสเก็ตบอร์ดไปเลย ไหลไปอย่างรวมเร็วถึงจะโซเซบางก็ตามที ทั้งเกือบชนกำแพงและผู้คนที่เดินอยู่ข้าง ค่อนข้างลำบากเอาเรื่องอยู่เหมือนกันถึงจะเป็นแค่ฝันก็เถอะ พอไปถึงบ้านก็หาน้องหมาไม่เจออยู่ดี เราร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนบ้า ทั้งเดินทั้งวิ่งรอบบ้าน หารอบๆ บ้านก็ไม่เจอ เราร้องไห้หนักมากจนนึกว่าจะหายใจไม่ออกเสียแล้ว อีกสักพักพอตั้งสติได้ก็ออกเดินต่อพร้อมถือสเก็ตบอร์ดสีเหลืองนั้นไปด้วย แต่คราวนี้เอกสารพวกนั้นไม่อยู่แล้ว มีแค่สเก็ตบอร์ดอย่างเดียว เรายังคร่ำครวญอยู่ถึงแม้จะเดินในที่สาธารณะก็ตามที ช่วงที่เดินเกือบถึงทางออกสภาพแวดล้อมก็คล้ายๆ โรงเรียนเก่าสมัยมัธยมต้น หันไปมองข้างๆ ระหว่างเดิน แต่ดูเหมือนมันจะใหญ่กว่าในความเป็นจริงและดูดีกว่าหน่อย แต่เราก็เดินต่อจนถึงประตูใหญ่เพื่อนออกไปรอรถเพื่อจะไปไหนสักแห่ง เรารอนานมากจนต้องใช้สเก็ตบอร์ดอีกรอบ แต่อยู่ดีๆ ก็มืด เราเลยต้องใช้สเก็ตบอร์ดกลับไปที่เดิมก่อนหน้านี้ เพราะตรงที่อยู่ตอนนั้นมันอันตรายมากเลย น่ากลัวมากด้วย พอถึงที่เดิมที่รอรถก่อนหน้านี้ที่เรายืนรอรถ อยู่ดีๆ ในหัวก็คิดแต่จะขึ้นเท็กซี่อย่างเดียว เพราะรู้สึกปลอดภัยกว่า แล้วตอนนั้นก็มืดมากๆ มันมืดเร็วมากจนดูผิดธรรมชาติ จากนั้นไม่นานคนในโรงเรียนหรือสถานที่คล้ายๆ โรงเรียนเก่าเราก็มีคนวิ่งแตกตื่น เหมือนวิ่งหนีอะไรสักอย่างแล้วก็มีเสียงกรีดร้องด้วย ทุกคนที่อยู่ข้างหน้าประตูใหญ่ตกใจมาก เราก็มีคนวิ่งตะโตกบอกให้หนีไปแล้วก็ตะโกนอะไรสักอย่างว่าตาย อะไรก็ไม่รู้อ่ะที่ตาย แต่ในฝันทุกคนที่ได้ยิ้นแบบนั้นก็วิ่งเหมือนกันหมดแล้วก็มีคนวิ่งมาทางเราบอกว่า "หนีไปซะ เร็วเข้า" เราทำอะไรไม่ถูกเลย เราเริ่มวิ่งไปข้างหน้าทั้งๆ ที่มีรถวิ่งอยู่บนถนน วิ่งออกไปแบบไม่กลัวตายเลยค่ะ แปลกมากว่าตัวเองวิ่งไปกลางถนนเพื่อนหนีตายอะไรสักอย่างได้อย่างไร แล้วจู่ๆ คนด้านนอกที่วิ่งและกรีดร้องก็กระจายหายไปบาง เราไม่รู้สึกตกใจด้วยซ้ำ ทำได้แค่หันไปมองแล้ววิ่งหลบรถอยู่บนถนน เกือบโดนรถชนด้วย เป็นฝันที่บ้าระห่ำมาก เสียงคนวิ่งและเสียงตะโกนอารมณ์เดียวกับดูหนังภัยพิบัติที่ทุกคนต้องหนีเอาชีวิตรอด ฝันตอนนั้นเหมือนแบบนั้นเลย พอเรามาถึงอีกฝากหนึ่งของถนนเราก็หันกลับไปมองฝากตรงข้าม ภาพคนวิ่งและตะโกนหรือบางคนก็กรีดร้อง มันไม่ใช่ภาพที่น่าดูเท่าไรนัก แล้วจู่ๆ รถเท็กซี่ก็มา เขากับเราพูดอะไรสักอย่างแล้วเราก็ขึ้นรถไป เราไม่รู้ว่าเป็นยังไงต่อเพราะพึ่งรถได้แค่แปปเดียวยังไปได้ไม่ไกลเราก็ตื่น เราไม่รู้ว่าฝันไปตั้งแต่กี่โมง เพราะเราตื่นมาตอน 9 โมงแล้วรู้สึกเหมือนไม่ได้นอน เหมือนพึ่งออกไปผจญภัยมาจริงๆ อารมณ์และความรู้สึกในตอนนั้นมันยังค้างอยู่ และมันรู้แย่ไปทั้งวันเลย เราคิดว่าเราคงจะเครียจมากเกินไปหน่อยช่วงหลังๆ มานี้ เลยเก็บเอาไปฝัน แต่ก็น่า... ถ้าจะฝันได้ขนาดนี้คราวหน้าไม่ขอฝันอะไรแบบนี้อีก เพราะเราไม่ชอบเวลาตื่นมาแล้วเหมือนเราพึ่งเจอเรื่องราวพวกนั้นจริงๆ มันดูสมจริงเกินไป รับไม่ไหวกับความรู้สึกหดหู่ตอนตื่นจากฝัน
Comentários