Rainbowthon Wrap Up
- artitaya.brees
- Feb 15, 2016
- 2 min read
Updated: May 26, 2018

กลับมาอีกครั้งทุกวันจันทร์กับเรื่องราวใหม่ๆ สัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้เข้าร่วมกิจกรรม Rainbowthon มาแหละ มันคือ Read A Thon ที่จัดขึ้นโดย Booktube ใน Youtube ค่ะ กิจกรรม Rainbowthon ก็ตามชื่อเลย คือการอ่านหนังสือตามสีของสายรุ้งนั่นเอง 6 สี 6 เล่ม หรือจะอ่านแค่ 4 เล่มก็ได้นะ โดยที่หนึ่งเล่มต้องมีแค่สองสีเท่านั้น เช่น เล่มที่จะอ่านมีสีเหลืองกับสีส้มและอีกเล่มมีสีม่วงกับสีฟ้า อะไรแบบนี้ แต่ห้ามเกิน 2 สีนะคะ เขาบังคับมา Rainbowthon ใช้เวลาทั้งหมดหนึ่งอาทิตย์ด้วยกันค่ะ เริ่มไปเมื่อวันที่ 7 - 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเราได้แจ้งรายละเอียดกิจกรรมไว้แล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนเผื่อมีคนสนใจอยากจะเข้าร่วม สำหรับใครที่ยังไม่เคยร่วมกิจกรรม Read A Thon เราแนะนำให้ลองสักครั้งยิ่งชอบอ่านหนังสือยิ่งพลาดกิจกรรมเหล่านี้ไม่ได้ เราเองก็จะช่วยกระจายข่าวสารกิจกรรม Read A Thon ต่างๆ ให้เป็นระยะๆ นะคะ
เอาล่ะสำหรับคราวนี้เราอ่านไปแค่ 3 เล่ม 3 สี มีดังนี้เลยจ้า
ทั้งสามเล่มนี้เราให้ 5 ดาวทั้งสามเล่มเลยคะ เป็นหนังสือที่อ่านแล้วสนุกอย่างที่คิดเอาไว้ตอนแรกๆ ที่อ่านด้านหลังปกจริงๆ ด้วย คือ เราเป็นคนอันแพ็คหลังหนังสือที่ร้านแล้วก็เจอหนังสือชุด Madame Pamplemousse เนี่ยแหละ ตอนแรกที่เห็นก็คิดว่าหน้าปกออกแบบมาได้น่ารักมากเลย ดูน่าอ่านดี หลังจากนั้นพอมีโอกาสได้จัดชั้นหนังสือเด็กก็เลยอ่านตรงด้านหลังปกซะเลยว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไร ปรากฏว่าอ่านแล้วก็รู้สึกว่าฉันอยากจะซื้อกลับไปอ่านที่บ้านจังเลย หรือแบบอ่านตอนนี้เลยได้ไหมเนี่ย เวลาที่เราเจอหนังสือที่ใช่มันก็เป็นแบบนี่ทุกที แต่เราก็ยังไม่มั่นใจว่าจะซื้อหนังสือเล่มอื่นด้วยหรือป่าวก็เลยกลับไปคิดทบทวนให้ดีก่อนว่าจะซื้อแค่เล่มเดียวหรือซื้อทั้งชุด เพราะทั้งซีรีย์มีแค่ 3 เล่มเอง ผ่านไปได้แค่สองสามวันเราก็ตัดสินใจซื้อยกชุด 3 เล่มไปเลยง่ายดี เพราะไหนๆ ก็อยากอ่านแทบตายอยู่แล้วก็ซื้อมันทีเดียวเลย พออ่านเล่มแรกจบจะได้มีเล่มสองไว้อ่านต่อ เราชอบเป็นแบบนี้แหละ แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งหรอกนะเฉพาะซีรีย์ที่มั่นใจว่าชอบมากและอยากอ่านมากจริงๆ เท่านั้นถึงจะซื้อยกเซ็ด ถ้าเงินพอด้วย ฮาๆ

หนังสือชุด Madame Pamplemousse เกี่ยวกับความสามารถพิเศษด้านการทำอาหารนอกจากจะปรุงอาหารได้สุดยอดแบบที่ว่าสามารถทำให้คนที่ทานรู้สึกดีเยี่ยม บ้างก็สัมผัสถึงกลิ่มอายของสายลมบ้าง ความทรงจำเก่าๆ หวนคืนมาบ้าง แต่ที่ประหลาดและน่าแปลกที่สุดคือวัตถุดิบที่นำมาใช้เนี่ยล่ะ บางอย่างก็เป็นของพื้นๆ ธรรมดาทั่วไป แต่บางอย่างก็เป็นของหายากชนิดที่ว่ายากมาก บางชิ้นไม่มีในยุคปัจจุบันด้วยนะ คือมาดามเพมเพิลมัวส์เธอเป็นผู้หญิงที่สุดยอดและโคตรลึกลับเลย อ๋อ อีกอย่างที่ลืมบอกไปเธอคุยกับแมวของเธอที่ชื่อเคมเม็มเบอร์ทได้ด้วยนะ เจ๋งสุดๆ เลยใช่ไหมล่ะ

เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่าเด็กสาวที่ชื่อเม็ดเดอร์ไลน์มักจะถูกพ่อแม่ไล่ให้มาทำงานช่วยคุณลุงของเธอที่ปารีสทุกซัมเมอร์ มีอยู่วันหนึ่งเธอออกมาซื้อของเพื่อใช้ทำอาหารที่ร้านอาหารของลุง แล้วจู้ๆ เธอก็สังเกตุเห็นบางอย่างเลยตามไปดูว่ามันคืออะไร เมื่อตามไปปรากฏว่าสิ่งที่เห็นนั้นคือแมวสีขาวที่มีผ้าขาวตาเดินเข้าไปในร้านเล็กๆ ตรงมุมถนนท้ายซอย เธอจึงเดินตามเข้าไปแต่ก็ไม่พบกับแมวสีขาวตัวนั้น ในร้านที่เธอเข้าไปนั้นค่อนข้างมืดและมีกลิ่นวัตถุดิบอาหารต่างๆ มากมายตลบอบอวนอยู่ในร้าน มีทั้งของทั่วๆ ไปจนถึงของหายาก และภายในร้านยังมีขวดโหลเต็มไปหมด ระหว่างที่เธอมองดูรอบๆ ร้านอยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงรูปร่างสูงใส่ชุดสีดำเดินออกมาจากไหนก็ไม่รู้ ถามเธอว่าต้องการจะซื้ออะไรไหม การปรากฏตัวแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของเจ้าของร้านทำให้เธอตกใจอยู่ไม่น้อย ถ้าเป็นเราคงนึกว่าเป็นผีออกมาแล้วนะเนี่ย เธอบอกสิ่งที่ต้องซื้อและบอกไปอีกว่าคงไม่มีเงินพอสำหรับจะจ่ายให้ เพราะถ้าลองจินตนาการตามแล้ววัตถุดิบในร้านนี้คือว่ามีของชั้นเลิศและหายากอยู่เยอะมากเลยล่ะ คงไม่แปลกถ้าเม็ดเดอร์ไลน์จะพูดแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของร้านก็รับเงินที่เม็ดเดอร์ไลน์มีมาถึงจะแค่นิดเดียวแต่เจ้าร้านบอกเงินแค่นี้ก็พอ เมื่อจ่ายเงินเสร็จเธอก็รีบกลับไปที่ร้านอาหารของลุงและเอาวัตถุดิบไปให้หัวหน้าพ่อครัว
ตอนแรกก็โดนบ่นอยู่นิดหน่อยเพราะสีมันดูแปลกๆ หัวพ่อครัวเลยลองชิมดูปรากฏว่ามันมีรสชาติที่สุดยอดมาก เป็นรสชาติที่เคยลิ่มรสมาก่อน ถึงแม้นั้นจะเป็นเรื่องดีแต่ก็มีปัญหาอยู่ที่ว่าอาหารที่ร้านไม่ได้รสชาติดีขนาดนี้ ถ้าเกิดมีลูกค้าสั่งอาหารนี้ขึ้นมาตรงแย่แน่ เพราะมันอร่อยเกิดไปนั้นเอง ยังไง๋ยังไงก็หนีไม่พ้นเพราะมีลูกค้าสั่งอาหารนั้นจริงๆ ในค่ำคืนนั้นเลยจำเป็นต้องจัดเตรียมอาหารจานนั้น เมื่อลูกค้าได้ทานเท่านั้นแหละก็สั่งเพื่มอีกจนเจ้าของร้านอาหาร หรือลุงของเม็ดเดอร์ไลน์สังเหตุเห็นความผิดปกติ เมื่อลุงของเธอรู้ว่าเธอไปซื้อวัตถุดิบสุดวิเศษนั้นมาจากไหน เขาก็รีบตรงไปที่ร้านในมุนถนนท้ายซอยทันที เขาขอซื้อวัตถุดิบรสเลิศที่หลานของเขาซื้อมาเมื่อวานก่อนเพิ่มอีก 10 กระบุก แต่เจ้าของร้านไม่ขายเพราะมีเหลือแค่อันนั้นแค่อันเดียวที่หลานของเขาซื้อไปเมื่อวานนั้นคือขวดโหลสุดท้าย ถึงแม้จะพูดอย่างไงแต่เจ้าของร้านก็ยืนคำขาดว่าไม่มีขาย

ลุงของเม็ดเดอร์ไลน์จึงเสนอหลานของเขาให้มาเป็นผู้ช่วยคอยช่วยเหลือเธอ ลึกแล้วคือเขาวางแผนจะให้หลานสาวโขมยสูตรลับนั้นมาใช้ที่ร้านอาหารของเขา เพื่อจะได้มีชื่อเสียงและร่ำรวย เมื่อเม็ดเดอร์ไลน์ถูงส่งตัวมาเป็นผู้ช่วย เธอดีใจมากและมีความสุขทุกครั้งที่ได้มาที่ร้านเก่าๆ นี้แทนที่จะอยู่ช่วยลุงของเธอ เพราะผู้หญิงตัวสูงใส่ชุดสีดำที่เป็นเจ้าร้านได้ดูแลเธอเป็นอย่างดี ไม่มีการกลั่นแกล้งเธอเหมือนคนที่ร้านอาหารของลุง เจ้าของร้านนามว่ามาดามเพมเพิลมัวส์และแมวของเธอแคเม็มเบอร์ทก็กลายเป็นเพื่อนสนิทของเม็ดเดอร์ไลน์ในที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นเม็ดเดอร์ไลน์ก็จำเป็นต้องโขมยสูตรลับนั้นไปให้ลุง มันทำให้เธอลำบากใจมากเพราะเธอไม่อยากทรยศมาดามเพมเพิลมัวส์จึงสารภาพสาเหตุที่เธอถูกส่งมาให้เป็นผู้ช่วย มาดามเพมเพิลมัวส์รู้อยู่แล้วถึงแผนการอันสิ้นคิดของลุงของเม็ดเดอร์ไลน์และเหตุผลที่เม็ดเดอร์ไลน์ถูกส่งตัวมาที่นี้ แต่มาดามเพมเพิลมัวส์แค่ทำเป็นไม่ใส่ใจข้อเท็จจริงตรงนั้นและปฏิบัติกับเธออย่างเท่าเทียม ถึงอย่างนั้นมาดามเพมเพิลมัวส์ก็เขียนสูตรลับนั้นให้เม็ดเดอร์ไลน์เพื่อเอาไปให้ลุงของเธอ เมื่อลุงของเธอเห็นสูตรอาหารเท่านั้นถึงกับตกใจว่าวัตถุดิบมีแค่นี้เองเหรอแถมบางอย่างยังหาง่าย เป็นของพื้นๆ อีกด้วย ถึงสูตรอาหารชั้นเลิศของมาดามเพมพิลมัวส์จะดูพื้นๆ แต่เรื่องรสชาตินั้นขึ้นอยู่กับคนที่ทำ มาดามเพมเพิมมัวส์ทำอาหารด้วยใจรักจึงทำออกมาได้อร่อย แต่ลุงของเม็ดเดอร์ไลน์นั้นตรงกันข้ามที่สั่งให้คนอื่นทำแทนตัวเองและโกหกว่าตัวเองเป็นคนทำ
พูดง่ายๆ เลย ลุงของเม็ดเดอร์ไลน์นิสัยไม่ดีถึงขั้นแย่สุดๆ ไปเลย ถึงแม้คนอื่นทำให้โดยใช้สูตรอาหารรสเลิศที่ได้มาก็ยังไม่อร่อยอยู่ดี ในเวลาเดียวกันนั้นเองเม็ดเดอร์ไลน์ก็ทำตามคำแนะนำของมาดามเพมเพิลมัวส์ที่บอกให้เธอเสริฟอาหารที่เธอทำให้ลูกค้าทานและดูสิว่าระหว่างของลุงกับของเม็ดเดอร์ไลน์อาหารจานไหนที่ลูกค้าชอบที่สุด และแน่นอนว่าเม็ดเดอร์ไลน์ที่รักการทำอาหารก็ชนะใจลูกค้า แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นคนทำนอกจากมาดามเพมเพิลมัวส์กับหัวหน้าพ่อครัว หลังจากวันนั้นนักชิมชื่อดังก็มามอบดอกไม้ช่องานให้กับเชฟที่ทำอาหารสุดวิเศษจานนั้น ตอนแรกลุงของเธอคิดว่ามามอบให้เขาจึงพูดแสดงความขอบคุณอย่างดีพร้อมที่จะรับช่อดอกไม้เต็มที่แต่นักชิมชื่อดังกลับชี้นิ้วไปที่เด็กสาวตัวน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆ พนักงานคนอื่นๆ เมื่อเม็ดเดอร์ไลน์รู้ว่าเขาหมายถึงเธอ เธอจึงเดินอย่างมั่นใจออกมาและรับช่อดอกไม้อันสวยงานช่อนั้น และในวันนั้นเองที่ทุกคนรู้ว่าลุงของเธอให้เธอเป็นเครื่องมือและพยายามจะโขยมสูตรอาหารของหลานสาวตัวเอง ลุงของเธอจึงออกจากปารีส หัวหน้าพ่อครัวจึงเปลี่ยนชื่อร้านอาหารและเปิดบริการใหม่ พร้อมทั้งยังอุปการะเม็ดเดอร์ไลน์เป็นลูกบุญธรรมอีกด้วย เพราะถึงอย่างไงซะพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอก็พยายามไล่เธอไปพ้นอยู่แล้วจึงไม่ใช่ปัญหาอะไรที่เธอมาเป็นลูกบุญธรรมของหัวหน้าพ่อครัว

เป็นอย่างไรกันบ้าง นั้นคือเรื่องราวคราวๆ ที่เกิดขึ้นในหนังสือเล่มแรกของซีรีย์ Madame Pamplemousse ในเล่มที่สองนั้นเป็นเรื่องราวของการพจญภัยโดยทั้ง 2 คน และอีก 1 ตัว
ย้อนเวลาไปในอดีตเพื่อไปเอาวัตถุดิบอันล่ำค่ากลับมาทำอาหาร แต่ก่อนหน้านั้นหลังจากที่เม็ดเดอร์ไลน์ได้รับช่อดอกไม้จากนักชิมชื่อดังที่เป็นเพื่อนของมาดามเพมเพิลมัวส์แล้ว เธอก็ได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง มีแบรด์เสื้อผ้าเด็กยี่ห้อดังอยากได้ตัวเธอไปเป็นนางแบบรวมไปถึงรายการทีวีอยากให้เธอไปร่วมในรายการทำอาหาร แต่เธอก็ไม่แค่รับขอเสนอเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนมีอยู่วันหนึ่งมีคนจากรัฐบาลมาหา

เธอและพยายามจะจับเธอเข้าสถานกักกังเด็กและเยาว์ชน สาเหตุนะเหรอก็เพราะเธอไม่ยอมรับข้อเสนอที่บริษัทต่างๆ ยื่นให้ บริษัทเหล่านั้นจึงสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้ไป นั้นล่ะคือเหตุที่ทางรัฐบาลตั้งข้อหาเพื่อจับตัวเด็กน้อยผู้นี้ น่าขันไม่ล่ะ มันไม่เห็นจะเกี่ยวกับเม็ดเดอร์ไลน์เลยจะมากังขังเธอที่เป็นแค่เด็กเพราะเรื่องแค่นี้นะหรือ บ้าไปแล้ว เม็ดเดอร์ไลน์จึงหนีไปที่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งที่ลูกค้าคนหนึ่งในร้านให้เธอมาและยังยังเธออีกว่าถ้ามีปัญหาอะไรให้มาที่คาเฟ่ของเขาได้ทุกเมื่อ เม็ดเดอร์ไลน์จึงตัดสินใจหนีไปที่นั้น แต่ถึงจะหนีได้ก็ถูกตามตัวเจออยู่ดี ทำไงได้ก็ในปารีสมีกล้อง CCTV อยู่เต็มไปหมดจึงหาตัวเธอได้ไม่ยาก และนั้นทำให้เจ้าของร้านคาเฟ่ที่เป็นเพื่อนกับมาดามเพมเพิลมัวส์ให้เม็ดเดอร์ไลน์ดื่มกาแฟที่ทำให้สามารถย้อนเวลาได้และหายตัวไปต่อหน้าต่อตาตำรวจที่มาตามจับเธอ เม็ดเดอร์ไลน์ถูกส่งตัวไปในยุดของไดโนเสาร์และก็ได้พบกับมาดามเพมเพิลมัวส์และแคเม็มเบอร์ทที่นั่น เธอจึงเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับมาดามเพมเพิลมัวส์ฟัง จากนั้นก็ช่วยกันตามหาวัตถุดิบ การตามหาวัตถุดิบล่ำค่าเล่านี้ทำให้ทั้งสามต้องย้อนเวลาไปในยุดต่างๆ มากมายเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ต้องการจากนั้นก็ย้อนกลับมาที่ปัจจุบัน เมื่อเม็ดเดอร์ไลน์กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าตำรวจที่พยายามจะจับตัวเธอ พวกเขาก็ตกใจอีกครั้งเป็นเนื้อตัวเธอดูสกปรกกว่าเมื่อครู่นี้ อันที่จริงเธอหายตัวไปได้แค่ไม่กี่นาทีเองสำหรับเวลาในโลกปัจจุบัน แต่ระยะเวลาที่เม็ดเดอร์ไลน์ใช้ไปตอยย้อนเวลานั้นมันนานกว่านั้นมากจนน่าแปลกใจ เมื่อตำรวจเข้าจับกุมเธอสำเร็จมาดามเพมเพิลมัวส์ก็เดินเข้ามาที่ร้านเพื่อบอกความจริงที่ทางรัฐบาลต้องการทราบ เพราะสาเหตุที่แท้จริงคือรัฐบาลต้องการจะล่วงความรับของมาดามเพมเพิลมัวส์จึงใช่เม็ดเดอร์ไลน์เป็นตัวล่อนั้นเอง แม้... ขี้โกงชะมัดเลยว่าไหม พอบอกความจริงไปทางรัฐบาลก็ไม่เชื่ออยู่ดีเพราะคิดว่าโกหก มาดามเพมเพิลมัวส์จึงนำวัตถุดิบที่ได้มาจากการย้อนเวลาทำปรุงและปล่อยควันสีเขียวๆ ออกไปรอบเมืองปารีส สิ่งแปลกประหลาดจึงเกิดขึ้น กากอยที่อยู่บนหลังคารอบเมืองปารีสรวมไปถึงสิ่งที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ก็มีชีวิต สร้างปรากฏการอันน่าประหลาดใจให้กับชาวเมืองเป็นอย่างมาก และพวกเหล่ากากอยเหล่านั้นได้ทำให้รัฐบาลเกิดความวุ่นวายและชาวเมืองคิดว่าการที่เหล่ากสกอยพวกนี้ทำคือมาช่วยพวกเขาจัดการคับไล่รัฐบาลเหล่านั้น ชาวเมืองจึงขับไล่รัฐบาลชุดออกนั้นและทำการเลือกตั้งใหม่ พิพิธภัณฑ์ที่เกือบจะถูกทุบทิ้งให้เป็นศูนย์การค้าก็ถูกยกเลิกไป ชาวเมืองดีใจมากที่ปารีสกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง อ่านเรื่องย่อคราวๆ แล้วเป็นยังไงกันบ้าง สนุกและน่าสนใจใช่ไหม เรามาอ่านเรื่องย่อของเล่มสามซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายของซีรีย์นี้กันดีกว่า


เล่มสุดท้ายนี้ชื่อ Madame Pamplemousse and the Enchanted Sweet Shop เม็ดเดอร์ไลน์ผู้น่าสงสารถูกนักเรียนที่ย้ายเข้ามาใหม่กลั่นแกล้งซะอย่างนั้น เพื่อนๆ ในโรงเรียนเริ่มไม่สนใจเธอและทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน เธอจึงแอบไปร้องไห้ที่โบสถ์และอยู่ๆ ก็มีมาดามชื่อบอนบอนมาปลอบใจเธอและให้ขนมเธอเป็นของปลอบใจ เมื่อใดที่เม็ดเดอร์ไลน์ได้ทานขนมที่มาดามบอนบอนให้ เธอก็รู้สึกดีขึ้นและลืมเรื่องราวเล่านั้นไปได้ หลังจากนั้นเธอก็ทานบ่อยขึ้นและเริ่มลืมไปแล้วว่าใครให้ขนมมาหรือรู้จักกับมาดามบอนบอนได้ยังไง รวมไปถึงมาดามเพมเพิลมัวส์และแคเม็มเบอร์ทเพื่อนสนิทของเธอ ถึงแม้มาดามบอนบอนจะค่อยบอกเธอว่ามาดามบอนบอนเป็นคนให้ขนมนั้นกับเธอเมื่อไมานานมานี้และเป็นที่จะช่วยเหลือเธอ มาดามบอนบอนจึงแนะนำให้เม็เดอร์ไลน์ได้ออกรายการทำอาหารที่เม็ดเดอร์ไลน์มักปฏิเสธ เมื่อเม็ดเดอร์ไลน์รู้กังวลหรือรู้สึกไม่ดีก็จะทานขนมนั้นทุกครั้งและพักหลังๆ เธอก็ลืมไปแล้วว่าเคยรู้จักมาดามเพมเพิลมัวส์และคนอื่นๆ เมื่อถึงวันถ่ายทำรายการ ทางรายการให้โจทย์ทำอาหารแข่งกับนักเรียนที่ย้ายเข้ามาใหม่คนที่กลั้นแกล้งเธอที่โรงเรียนมาเป็นคู่แข่ง อันที่จริงมาดามบอนบอนเป็นคนแนะนำมา เมื่อเธอต้องทำอาหาร เธอก็นึกไม่ออกมาควรจะทำอะไรก่อน เม็ดเดอร์ไลน์คิดว่าตัวเองลืมวิธีทำอาหารไปแล้วถึงแม้จะรู้สูตรแต่ก็ทำไม่ได้และในระหว่างนั้นคู่แข่งของเธอก็ลงมือทำอาหารและสร้างสีสันให้กับผู้ชมในห้องส่ง เม็ดเดอร์ไลน์รู้สึกว่าตัวเองกำลังขายหน้าและทุกคนคงจะคิดว่าเธอก็แค่คนธรรมดาที่ไม่ได้วิเศษหรือมีพรสวรรค์อะไร จู่ๆ เธอก็เป็นลมล้มไป เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่ตัวเองอยู่บนที่นอนที่ไหนสักแห่งและก็เจอมาดามบอนบอน อยู่ๆ เม็ดเดอร์ไลน์ก็จำเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้และรู้ว่า
ตัวเองกำลังถูกหลอกใช้ก็เศร้าเสียใจมากที่ตัวเองอ่อนแอ ทำให้คนอื่นลำบากอยู่เรื่อย มาดามบอนบอนต้องการรู้ว่ามาดามเพมเพิลมัวส์เดินทางข้างเวลาได้อย่างไร เมื่อเม็ดเดอร์ไลน์ไม่ยอมบอก เธอก็ถูกโยนออกนอกหน้าต่างจากชั้นสูงของปราสาท จากนั้นยังไม่พอมาดามบอนบอนยังปลอมตัวเป็นมาดามเพมเพิลมัวส์เพื่อหลอกให้เม็ดเดอร์ไลน์บอกความจริง แต่เม็ดเดอร์ไลน์สังเกตุเห็นความผิดปกติของแคเม็มเบอร์ทจึงรู้ทันทีว่าไม่ใช่มาดามเพมเพิลมัวส์ตัวจริงจึงโกหกไป และจู่ๆ มาดามเพมเพิลมัวส์กับแคเม็มเบอร์ทตัวจริงก็ปรากฏตัวด้านหลังเธอ แคเม็มเบอร์ททนไม่ไว้จึงบอกความจริงกับมาดามบอนบอนถึงวิธีการย้อนเวลาให้พร้อมโค้ดลับ ในเล่มนี้เองที่เม็ดเดอร์ไลน์รู้ว่าแมวสีขาวชื่อแคเม็มเบอร์ทพูทได้ เมื่อบอกความจริงไปมาดามบอนบอนก็รีบไปที่ร้านคาเฟ่เพื่อย้อนเวลาโดยบอกโค้ดลับนั้นซึ่งจริงแล้วโค้ดลับที่แคเม็มเบอร์ทให้เป็นโค้ดที่ใช้ข้ามเวลาที่อันตรายมาก เพราะเป็นการย้อนเวลาไปในอดีตของตัวเอง ทำให้กาลเวลาสับสนตัวตนของมาดามบอนบอนจึงถูกลบทิ้ง มาดามบอนบอนจึงหายตัวไปตลอดกาล
สนุกใช่ไหม นี้แค่เรื่องย่อคราวๆ เองนะ ในเรื่องสนุกกว่านี้อีกจะบอกให้ถ้าใครอยากอ่านก็รีบๆ ไปซื้อมาอ่านซะนะ คลิกที่รูปหนังสือด้านล่างนี้ก็ได้นะ เพราะเราลิ้งค์กับร้านหนังสือเอาไว้ให้แล้วและมีบริการจัดส่งฟรีด้วย อย่าลืมคลิกที่รูปหนังสือทั้ง 3 เล่มนะ

ความคิดเห็น